
วันพุธที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2558


10:57
0 comments
สอบกลางภาค ภาคเรียนที่1
รายวิชา ง32101 เทคโนโลยีสารสนเทศ
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2558
คำชี้แจง แบบทดสอบแบ่งเป็น 2 ตอน
ตอนที่1 แบบปรนัยจำนวน 10 ข้อ (10 คะแนน)
ตอนที่2 แบบอัตนัยจำนวน 5 ข้อ (10 คะแนน)
จำนวน 15 ข้อ เวลา 1 ชั่วโมง 20 คะแนน

ตัวดำเนินการ (Operator)
10:56
0 comments
ตัวดำเนินการ (Operator)
ตัวดำเนินการ(Operator) ในการเขียนโปรแกรมภาษาซี มีอยู่ 3 ประเภทใหญ่ ๆ ดังนี้
1) ตัวคำนวณทางคณิตศาสตร์ (arithmetic operators)
2) ตัวดำเนินการทางตรรกะ (logical operator) 3) ตัวดำเนินการเปรียบเทียบ (relational operator)
ซึ่งการดำเนินการแต่ละประเภทจะมีเครื่องหมายที่ต้องใช้เพื่อเขียนคำสั่ง สำหรับการดำเนินการประเภทนั้น ๆ ดังรายละเอียด
![]()
เป็นตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ ได้แก่ เครื่องหมายที่ใช้ในการบวก ลบ คูร หาร ตัวเลข และอื่น ๆ ดังตาราง
| |||||||||||||||||||||||||
ตารางแสดงตัวดำเนินการของภาษาซี
| |||||||||||||||||||||||||
![]()
ในบางครั้งนิพจน์ประกอบด้วยตัวดำเนินการมากมาย ทำให้เกิดความยุ่งยากในการพิจารณาขั้นตอนการทำงานของตัวดำเนินการ จึงได้ตั้งกฎเกี่ยวกับลำดับการทำงานก่อนหลังของตัวดำเนินการ (Operator) ดังตาราง
| |||||||||||||||||||||||||
ตารางแสดงลำดับการทำงานของตัวดำเนินการ
| |||||||||||||||||||||||||
ตัวดำเนินการที่มีความสำคัญอยู่ในระดับเดียวกัน ให้ทำงานตามขั้นตอนจากซ้ายไปขวาเป็นหลัก ดังตัวอย่างในตาราง
| |||||||||||||||||||||||||
ตารางแสดงลำดับการทำงานของตัวดำเนินการ
| |||||||||||||||||||||||||
![]()
เครื่องหมายตรรกะ มีจุดประสงค์ใช้ในการเปรียบเทียบเพื่อตัดสินใจ
เครื่องหมายตรรกะที่ใช้ในภาษาซี มีดังนี้
| |||||||||||||||||||||||||
![]()
ใช้เปรียบเทียบค่า 2 ค่า เพื่อแสดงการเลือก ซึ่งโปรแกรมโดยทั่วไปใช้ในการทดสอบ
เงื่อนไขตามที่กำหนด การเปรียบเทียบโดยการเท่ากันของ 2 ค่า จะใช้เครื่องหมาย ==
| |||||||||||||||||||||||||
![]()
นิพจน์(Expression) คือ การนำตัวแปร ค่าคงที่ และตัวดำเนินการมาเขียนประกอบกัน โดยใช้เครื่องหมายอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นตัวเชื่อม และเพื่อให้ตัวแปรภาษาสามารถเข้าใจและคำนวณหาผลลัพธ์ได้ตามที่เราต้องการ โดยมีกฎเกณฑ์ทั่ว ๆ ไปในการเขียนนิพจน์ของภาษาซี มีดังนี้
1) เขียนตัวอักษรหลายตัวติดกันได้โดยไม่มีเครื่องหมายคั่น เช่น XY ถือเป็น 1 ตัวแปร
2) กรณีนิพจน์มีค่าของตัวแปรหรือค่าคงที่ต่างชนิดกันในนิพจน์เดียวกัน กลไกของภาษาซี จะเปลี่ยนชนิดของข้อมูลที่มีขนาดเล็กให้เป็นชนิดของข้อมูลที่ใหญ่ขึ้น ดังนั้นจึงควรระวังในการตั้งตัวแปรเพื่อเก็บผลลัพธ์ที่ได้จากการดำเนินการของนิพจน์มีค่าของตัวแปรหรือค่าคงที่ต่างชนิดกัน ซึ่งตัวแปรที่ตั้งขึ้น ควรเป็นชนิดของข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดในนิพจน์นั้น ดังตัวอย่าง ![]() ![]()
ตัวอย่างนิพจน์
| |||||||||||||||||||||||||

wewe
09:55
0 comments

คำสั่ง if else if
09:54
0 comments
คำสั่ง if else if
ในการเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์บางกรณีอาจจะต้องมีการตรวจสอบเงื่อนไขมากกว่า 1 ชั้น ดังนั้นในการตรจสอบเงื่อนไขในชั้นที่ 2 หรือชั้นต่อ ๆ ไป จึงมีการนำประโยคคำสั่ง if มาซ้อนลงในประโยคคำสั่ง if เดิมอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งการซ้อนประโยคคำสั่ง if นี้ สามารถซ้อนลงไปหลังเงื่อนไข (Condition) หรือ ซ้อนลงไปหลัง else ก็ได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และลักษณะของการตัดสินใจเพื่อเลือกที่จะทำงาน ดังภาพด้านล่างนี้
![]()
ข้อสังเกต ในการใช้คำสั่ง if ซ้อนกันนั้น ถ้าต้องการทราบว่าจะต้องใช้คำสั่ง if ซ้อนกันกี่ตัวหรือกี่ชั้น ให้พิจารณาว่า ทางเลือกที่เกิดขึ้นทั้งหมดมีกี่ทางเลือก แล้วให้เอาจำนวนทางเลือก - 1 ก็จะเป็นจำนวนชั้นของการซ้อนคำสั่ง if ดังตาราง
ตารางแสดงจำนวนชั้นของการใช้คำสั่ง if เมื่อมีทางเลือกมากกว่า 1 ทางเลือก
![]()
โจทย์ : จงเขียนโปรแกรมตัดเกรด กำหนดให้รับค่าคะแนนผ่านทางแป้นพิมพ์ และแสดงผลเกรดผ่านทางจอภาพ กำหนดเงื่อนไขการตัดเกรด ดังนี้
คะแนนระหว่าง 80 ถึง 100 ได้เกรด 4
คะแนนระหว่าง 60 ถึง 79 ได้เกรด 3 คะแนนระหว่าง 50 ถึง 59 ได้เกรด 2 คะแนนระหว่าง 40 ถึง 49 ได้เกรด 1 คะแนนระหว่าง 0 ถึง 39 ได้เกรด 0
จากโจทย์สามารถเขียนผังงาน (Flow chart) ได้ดังนี้
![]()
จากผังงานนำมาเขียนโปรแกรมได้ดังนี้
| |||||||||||||||||||||||||||
![]()
แบบทดสอบ
คำสั่ง if
else if
โจทย์ : จงเขียนโปรแกรมตัดเกรด
กำหนดให้รับค่าคะแนนผ่านทางแป้นพิมพ์ และแสดงผลเกรดผ่านทางจอภาพ
กำหนดเงื่อนไขการตัดเกรด ดังนี้
คะแนนระหว่าง 80 ถึง 100
ได้เกรด A
คะแนนระหว่าง 75 ถึง 79 ได้เกรด B+ คะแนนระหว่าง 70 ถึง 74 ได้เกรด B คะแนนระหว่าง 65 ถึง 69 ได้เกรด C+ คะแนนระหว่าง 60 ถึง 64 ได้เกรด C
คะแนนระหว่าง 55 ถึง 59
ได้เกรด D+
คะแนนระหว่าง 50 ถึง 54 ได้เกรด D
คะแนนระหว่าง 0
ถึง 49 ได้เกรด
E
|

คำสั่ง if - else
09:54
0 comments
คำสั่ง if - else
เป็นคำสั่งที่ต่างจากคำสั่ง if แบบง่ายที่ผ่านมาตรงที่คำสั่ง if แบบง่ายนั้น มีทางเลือกที่จะให้ทำอยู่เพียงทางเลือกเดียว คือ ถ้าเป็นจริงก็ทำทางเลือกนั้น แต่ถ้าเป็นเท็จก็ไม่ทำ แต่คำสั่ง if - else นี้มีทางเลือกที่ให้ทำอยู่สองทางเลือกหรือสองกรณี คือ
กรณีที่ 1 ถ้าเงื่อนไขเป็นจริง ให้ทำกับสายงานหนึ่ง คือ ทำตามชุดคำสั่งที่ตามหลังเงื่อนไข (Condition) ที่ใช้ตรวจสอบ
กรณีที่ 2 ถ้าเงื่อนไขเป็นเท็จ ก็ให้ทำกับอีกสายงานหนึ่ง คือ ทำตามชุดคำสั่งที่ตามหลังคำสงวน else

|
ภาพผังงานแสดงการเลือกกระทำของประโยค if - else

จากภาพ แสดงให้เห็นว่า เป็นการเลือกทำชุดคำสั่ง A หรือชุดคำสั่ง B ดังนี้
1. ถ้าเงื่อนไขการตรวจสอบเป็น "จริง" จะไปทำสายงานในชุดประโยคคำสั่ง A
แล้วไปทำชุดประโยคคำสั่ง C ต่อไป
2. ถ้าเงื่อนไขการตรวจสอบเป็น "เท็จ" จะไปทำสายงานในชุดประโยคคำสั่ง B
แล้วไปทำชุดประโยคคำสั่ง C ต่อไป
1. ถ้าเงื่อนไขการตรวจสอบเป็น "จริง" จะไปทำสายงานในชุดประโยคคำสั่ง A
แล้วไปทำชุดประโยคคำสั่ง C ต่อไป
2. ถ้าเงื่อนไขการตรวจสอบเป็น "เท็จ" จะไปทำสายงานในชุดประโยคคำสั่ง B
แล้วไปทำชุดประโยคคำสั่ง C ต่อไป

โจทย์ : ร้านขายผลไม้แห่งหนึ่ง ขายมะม่วง โดยมีอัตราการขายดังนี้ ถ้าซื้อมะม่วงมากกว่าหรือเท่ากับ 10 ลูกขึ้นไป มีอัตราการแถมอยู่ที่ 10 ต่อ 2 ลูก ซึ่งถ้าซื้อมะม่วง 10 ลูก จะได้แถม 2 ลูก, ถ้าซื้อ 20 ลูก จะได้แถม 4 ลูก เป็นต้น แต่ถ้าซื้อไม่ถึง 10 ลูก จะไม่แถม
จากโจทย์ จงเขียนโปรแกรมเพื่อรับค่าจำนวนมะม่วงที่ซื้อ และคำนวณหาจำนวนมะม่วงที่ลูกค้าจะได้
จากโจทย์ จงเขียนโปรแกรมเพื่อรับค่าจำนวนมะม่วงที่ซื้อ และคำนวณหาจำนวนมะม่วงที่ลูกค้าจะได้
จากโจทย์ เขียนผังงาน (Flowchart) ได้ดังนี้

ผังงาน (Flowchart) แสดงทิศทางการแก้ปัญหาโจทย์ตัวอย่างที่ 2
จากผังงานนำมาเขียนโปรแกรมได้ดังนี้
|


จะได้ผลลัพธ์


จะได้ผลลัพธ์

หมายเหตุ จากสูตร net=number+(number*2)/10 ยกตัวอย่างเช่น ถ้า number มีค่าเท่ากับ 30 จะสามารถแทนสูตรได้ดังนี้ net=30+(30*2)/10 คือ net=30+6 จึงมีค่าเป็น 36 ซึ่งก็คือ 10 ต่อ 2 ลูก นั่นเอง
แบบทดสอบ
โปรแกรมการใช้งาน if - else 2 ทางเลือก
จงเขียนโค๊ตจากโจทย์ลงในสมุด
โจทย์ : ร้านขายผลไม้แห่งหนึ่ง
ขายมะม่วง โดยมีอัตราการขายดังนี้ ถ้าซื้อมะม่วงมากกว่า 5 ลูกขึ้นไป มีอัตราการแถมอยู่ที่ 6 ต่อ 2 ลูก ซึ่งถ้าซื้อมะม่วง 10 ลูก จะได้แถม 4 ลูก, ถ้าซื้อ 20 ลูก จะได้แถม 8
ลูก เป็นต้น
แต่ถ้าซื้อไม่ถึง จำนวนที่กำหนดไว้ จะไม่แถม
ตัวแปรมี2ตัว ให้เปลี่ยนเป็น a กับ b
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)